LINE BK ไม่ใช่ Mobile Banking แต่ คือ Social Banking

หากพูดถึง Mobile Banking สิ่งที่คนจะนึกถึงก็คือ แอปพลิเคชันสำหรับทำธุรกรรมออนไลน์ ดังนั้น สิ่งที่กรอบเราเอาไว้แล้วก็คือคำนิยามของมันนั่นเอง ที่จะทำให้เราคิดถึงก็ต่อเมื่อต้องการที่จะทำธุรกรรมเท่านั้น ต่อให้สร้าง feature บน Mobile Banking App เช่น การสร้างร้านค้า หรือ การสร้างการ chat อย่างไร ก็ไม่สามารถเปลี่ยน perception หรือพฤติกรรมของผู้ใช้ที่ติดกับคำว่า Mobile Banking ได้เลย (เราคงไม่คิดที่จะเข้าไป shopping หรือ chat บนแอปพลิเคชันที่เคยถูกเรียกหรือนิยามว่า Mobile Banking มาก่อน) ในทางกลับกัน Social Banking ( จาก LINE BK ) กลับสามารถสื่อสารในสิ่งที่ทำให้รู้สึกว่าที่นี่ ไม่ใช่เพียงแค่ที่สำหรับการทำธุรกรรมทางการเงินเป็นหลัก แต่ยังมีความเป็น social มีอะไรบางอย่าง ที่มากไปกว่าการทำธุรกรรมออนไลน์

Bank อยากเข้าไปอยู่ใน Lifestyle หรือเป็นส่วนหนึ่งของผู้คนมากขึ้น ในขณะเดียวกันแอปพลิเคชันที่มีจำนวนผู้ใช้มากมายมหาศาล อย่าง LINE ก็อยากที่จะขยายขอบเขตการให้บริการไปสู่บริการ “การเงิน” ที่มากขึ้น

ดังนั้น สาเหตุ หรือ เหตุผล ของการการร่วมเปิดบริษัทระหว่าง Kbank และ LINE BK จึงเป็นสิ่งที่ไม่ต้องสงสัยเลยว่า พวกเขาจะเปิดบริษัท Kasikorn Line ร่วมกันไปเพื่ออะไร เพราะในทางธุรกิจแล้ว นับว่า win-win กันทั้งคู่ คนหนึ่งมีความเชี่ยวชาญ เป็นผู้นำเรื่อง Mobile Banking และได้รับความไว้วางใจเรื่องการเงินมาอย่างยาวนาน ส่วนอีกคน มีผู้ใช้จำนวนมากถึง 47 ล้านคนทั่วประเทศไทย และมีระยะเวลาเฉลี่ยต่อการเข้าใช้ต่อคนอยู่ที่ วันละ 63 นาที แต่สิ่งที่ Better สนใจนั่นก็คือ การเกิดขึ้นของ LINE BK นั้น ก่อให้เกิดผลดีต่อผู้ใช้งานอย่างเรา อย่างไรบ้าง ตอบโจทย์ความต้องการ หรือช่วยให้อะไรดีขึ้นบ้าง

ถึงแม้จะไม่ใช่เรื่องที่แสนจะเจ็บปวด หรือลำบากชีวิตของผู้ใช้เท่าไร แต่ก็เป็นสิ่งที่กวนใจไม่มากก็น้อย หากเราคุยกับพ่อค้า แม่ค้า หรือเพื่อนอยู่บน app หนึ่ง และต้องคอย copy หรือจำยอดเงินและเลขที่บัญชี มาเปิดอีก app หนึ่งเพื่อโอนเงิน และกดส่งหลักฐานการโอนกลับไปยังที่หน้า chat นั้น ๆ

ใน LINE BK เราสามารถที่จะกดโอนเงินได้เลยบน LINE app โดยไม่จำเป็นที่จะต้องออกจาก LINE app ไปยัง Mobile Banking ใด ๆ

เชื่อหรือไม่ ว่ามีพ่อค้า แม่ค้าจำนวนมาก ถูกลูกค้าหลอกว่าตนโอนเงินไปให้แล้ว โดยการส่ง slip ปลอมไปให้...

ปัญหานั้นจะไม่เกิดขึ้นบน LINE BK เพราะเมื่อคุณโอนเงินออกจาก LINE BK แล้วจะมี digital slip จาก LINE BK ส่งเข้าไปใน chat นั้น ๆ ให้คุณเอง ดังนั้น พ่อค้า แม่ค้า หรือผู้รับโอน จะสบายใจได้มากขึ้น หากลูกค้าโอนเงินให้ผ่าน LINE BK ในขณะเดียวกัน ผู้โอนก็ไม่ต้องมาคอยส่ง slip ให้อีก (บางคนโอนแล้วก็ลืมส่ง slip ไปก็มี)

ยังมีคนไทยอีกหลายคนที่ไม่มีบัตรเดบิตหรือบัตรเครดิต และหากต้องการซื้อของออนไลน์ ต้องเลือกที่จะจ่ายเงินปลายทางบ้าง โอนเงินผ่านธนาคาร หรือไปชำระที่เคาน์เตอร์เซอร์วิสบ้าง สาเหตุเพราะพวกเขาไม่มีบัญชีธนาคารที่ผูกออนไลน์ หรือไม่มีบัตรนั่นเอง

หากเปิดบัญชีกับ LINE BK คุณสามารถเลือกที่จะรับบัตรเดบิตได้ และสามารถใช้เลขบัตรเดบิตนั้นในการชำระเงินออนไลน์ได้เลย

อาชีพของคนไทยจำนวนมาก เป็นอาชีพค้าขาย รับจ้างไม่ประจำ และอาชีพอิสระ ทำให้ไม่มีหลักฐานรายได้ต่อเดือนที่สามารถนำไปเป็นหลักฐานในการกู้เงินได้ตามที่ธนาคารกำหนด และนี่ทำให้คนไทยจำนวนมาก ต้องออกไปกู้เงินนอกระบบ ซึ่งมีดอกเบี้ยสูงเสียจนบางครั้งต้องจ่ายคืนมากกว่าเงินต้นที่ยืมมาเสียอีก จนกลายเป็นวงจรที่ไม่อาจหลุดพ้น วนเวียนเป็นหนี้อยู่อย่างนั้น

LINE BK มีบริการเงินกู้ง่าย ๆ โดยไม่ต้องมีเอกสารหรือหลักฐานเพื่อรออนุมัติให้ยุ่งยาก (แต่ก็ไม่ใช่ว่า LINE BK จะปล่อยกู้โดยไม่พิจารณาความเสี่ยง โดย LINE BK ใช้ข้อมูลพฤติกรรมบนโลกออนไลน์ของผู้กู้ยืม มาเป็นตัวช่วยในการปล่อยกู้ พูดง่าย ๆ ก็คือใช้ AI เข้ามาช่วยพิจารณาการปล่อยกู้นั่นเอง) และผู้กู้ยืมสามารถที่จะกำหนดระยะเวลา ความถี่ในการชำระคืนได้ด้วยตนเอง โดยมีระบบคำนวนดอกเบี้ยให้เห็นอย่างชัดเจนอีกด้วย

การทวงเงินนั้นไม่ง่ายเลยสำหรับใครหลายคน LINE BK ช่วยทำหน้าที่นั้นได้ และสามารถทำได้ทั้งทวงรายเดี่ยว หรือทวงใน group เช่น การหารค่ามื้ออาหาร LINE BK ก็สามารถช่วยทวงเงินเพื่อน ๆ ใน group ให้คุณได้ และ check ได้ว่าคุณได้เงินครบแล้วหรือยังอีกด้วย

การเปิดบัญชีธนาคาร ก็ต้องมีดอกเบี้ยให้แก่ผู้ฝากเงิน การฝากเงินกับ LINE BK ไม่ใช่เพียงแค่อยากฝากเท่าไหร่ก็ฝาก แต่จะช่วยให้คุณตั้งเป้า และออมเงินให้ได้ตามเป้าหมายด้วย โดยทำลักษณะที่คล้ายกับการฝากประจำ แต่ไม่ได้บังคับว่าคุณต้องฝากเงินครั้งละเท่าไหร่ แต่คุณต้องฝากให้ได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ จึงจะได้ดอกเบี้ยจากธนาคาร

นอกจากนี้ LINE BK สามารถช่วยเราจัดการแบ่งเงินในบัญชีออกเป็นส่วน ๆ ตามสัดส่วนที่เราต้องการแบ่ง ต้องการดึงออกไปใช้ได้อีกด้วย

นอกจากการเข้ามาเติมเต็ม แก้ปัญหาที่มีอยู่แล้ว ก็ยังต่อยอดสร้างบริการที่เกิดประโยชน์กับผู้ใช้ต่อได้อีก ไม่ว่าจะเป็นการได้รับเงินคืนจากการใช้จ่าย โปรโมชั่นต่าง ๆ , การถอนเงินสดที่สามารถใช้ app ในการถอนเงินแบบไม่ใช้บัตรได้ที่ตู้ธนาคารกสิกรไทยทุกตู้ และยังมีบริการอื่น ๆ ที่จะตามออกมาอีกมากมาย

จากข้อมูล พบว่าคนไทยส่วนใหญ่มีบัญชีธนาคาร แต่ยังไม่สามารถเข้าถึงบริการธนาคารเชิงลึกได้ เช่น การออม, การลงทุน, ประกัน, สินเชื่อ เป็นต้น และแม้ว่าคนไทยส่วนใหญ่จะมีบัญชีธนาคารกันจำนวนมาก แต่ในชีวิตประจำวันส่วนใหญ่ยังใช้เงินสดกันมากกว่า

หากมองดี ๆ แล้ว ธุรกรรมก็เป็นเรื่องที่แฝงตัวอยู่ในทุกกิจกรรมของชีวิตเราจริง ๆ และ Social Banking ก็น่าจะเป็นคำตอบที่ใช่ ที่จะทำให้ชีวิตของเราหลอมรวมไปกับการเงินได้อย่างเป็นหนึ่งเดียวกัน ชีวิตที่ง่ายขึ้น ก็มีเวลาให้เราทำอะไรดี ๆ ได้เยอะขึ้น ว่าไปแล้วการเกิดขึ้นของ LINE BK ไม่ใช่แค่ Kbank และ LINE ที่ win-win แต่รวมถึงผลประโยชน์ต่าง ๆ ที่ตกลงสู่ผู้ใช้งานอีกด้วย กลายเป็น win-win-win จริงไหมล่ะ !

ติดตามแนวคิดที่น่าสนใจของ LINE BK เพิ่มเติมได้ที่นี่ >> บทสัมภาษณ์คุณ ทอมมี่ ธนา โพธิกำจร แห่ง LINE BK